หลายคนคงรู้จัก AR (Augmented Reality) แล้วว่าคืออะไร แต่ถ้ายังไม่รู้หรือไม่แน่ใจ ขอแนะนำให้เข้าไปอ่าน Blog “AR คืออะไร และช่วย Brand อย่างไรบ้าง” ที่เราได้เขียนไว้ก่อนหน้านี้ จะช่วยให้เข้าใจและเห็นภาพมากขึ้น
และแม้จะรู้ว่า AR คืออะไร แต่หลายๆคนก็ยังนึกไม่ออกว่าจะใช้ AR กับ Brand หรือ AR สำหรับการตลาดได้อย่างไรบ้าง วันนี้เราจึงมาเสนอไอเดียหรือความเป็นไปได้ของการทำ AR ให้กับ Brand และการตลาดของคุณ

1. สร้างประสบการณใหม่ ใส่ความตื่นเต้น : Pizza Hut เคยทำ AR เมนู เพื่อให้ลูกค้าได้เล่นที่ร้าน รวมถึงบนกล่อง delivery ด้วย และทำให้ยอดขายพุ่งสูง แถมได้ตัวเลข engagement ทะลุเป้าอีกด้วย ซึ่งทุกวันนี้นอกจากสินค้าและบริการที่ลูกค้าต้องการซื้อจากคุณแล้ว ประสบการณ์แปลกใหม่ (Customer Experience) ที่คุณหยิบยื่นให้ลูกค้านั้น ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดหวังไม่แพ้กัน และหลาย Brand ก็ทำ AR เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า และช่วยให้เกิดการภักดีต่อ Brand (Brand Royalty) ได้ไม่น้อยเลย จากสถิติของ Fundera ระบุว่า 80%ของลูกค้าเต็มใจที่จะจ่ายมากขึ้น เพื่อแลกกับประสบการณ์ใหม่ที่ได้จากการซื้อของ

2. ส่งตรงสินค้าเสมือนจริงอย่างไร้รอยต่อ : นอกจาก IKEA ที่เราเคยพูดถึงว่าได้ทำ AR เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นเฟอร์นิเจอร์ 360 องศา หยิบและวางลงตำแหน่งในบ้านที่ต้องการตาม scale จริงแล้ว ยังมี Brand เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น ตู้เย็น เครื่องชงกาแฟ เตาอบ ก็ทำ AR เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้ทำความรู้จักกับสินค้ามากกว่าภาพ 2 มิติ ธรรมดาๆอย่างเคย

3. นำเสนอข้อมูลยากๆในแบบ 3 มิติ : การขายสินค้าที่ต้องการการอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจง่าย เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องจักร การทำ AR ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีในการแสดงข้อมูลหรือกระบวนการแบบ 3 มิติ ช่วยทำให้เวลาในการนำเสนอสั้นลง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. ลองของ…ก่อนซื้อ : ใครจะคิดว่าเราสามารถลองสินค้า online ก่อนกดสั่งซื้อได้ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รองเท้า แว่นตา ลิปสติก หรือแม้แต่ ยาทาเล็บ แต่..AR ทำได้ ส่วนการซื้อ offline เช่น ร้านตัดผม เราคงไม่สามารถลองตัดผมลูกค้าก่อน แต่..AR ทำได้ แม้แต่การเลือกอุปกรณ์แต่งรถ ก็จะไม่มีปัญหาอีกต่อไป เพราะการทำ AR สามารถช่วยทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
5. Sale kit เครื่องมือช่วยขาย : จะดีกว่าไหมถ้า Sale kit ที่คุณใช้อยู่ จะเป็นมากกว่าแผ่นพับธรรมดา และมีความสามารถหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการสาธิตการทำงานของสินค้า การโชว์ option ขนาด สี รูปแบบ ของสินค้าแบบ pop-up 3 มิติ แม้กระทั่งกด link ไปที่ Website ของสินค้า ซึ่งทั้งหมดนี้ AR สามารถช่วยคุณได้ ตัวอย่าง คือ Showroom รถยนต์ Brand หนึ่งได้ทำ AR เพื่อให้ลูกค้าเห็น option ต่างๆง่ายขึ้น ทำให้สามารถปิดการขายง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน
6. คู่มือประกอบและซ่อมแซม : เรายังขอยกตัวอย่าง IKEA ที่ทำ AR ในการสาธิตการประกอบเฟอร์นิเจอร์ทีละขั้นตอน เพราะช่วยลด pain point ของลูกค้าได้อย่างมาก และอีกตัวอย่างก็คือ Brand รถยนต์หนึ่ง ได้ทำ AR เพื่อสาธิตการซ่อมแซมดูแลรถเบื้องต้นให้ลูกค้า ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มเวลาให้ Brand ได้บริการ case ที่ฉุกเฉินกว่าแล้ว ยังช่วยให้ลูกค้าได้ประหยัดเงินเล็กๆน้อยๆ ทำให้เกิดความรู้สึกดีกับ Brand อีกด้วย
ทั้ง 6 ไอเดียนี้เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนที่เรายกมา ซึ่งจริงๆแล้วการทำ AR สำหรับการตลาด หรือ AR Marketing ยังมีอีกมากมาย แล้วเราจะมา update ให้อ่านกันอีกเรื่อยๆแน่นอน
สนใจทำ AR เข้ามาคุยกันเพิ่มเติมได้ที่ www.keencollective.co.th
#KeenCollective #DigitalAgency #KeenReality #รับทำAR #ทำAR #ARสำหรับการตลาด #ARMarketing